ธุรกิจ SME ส่วนใหญ่ในไทยนั้นจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิตเสียส่วนใหญ่ เมื่อมีการผลิตสินค้าออกมาแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือเรื่องของคลังสินค้า และเรื่องของการจัดส่ง โดยเฉพาะในกลุ่มสินนค้าอุปโภคบริโภค นั่นก็คือกลุ่มของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เด็กรุ่นใหม่นิยมออกมาขายของกัน เหล่านี้ล้วนต้องเจอกับปัญหาทั้งเรื่องสินค้าคงคลังและการจัดส่ง มีความจำเป็นต้องหาเครื่องมือช่วยบริการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง ดิจิทัลโลจิสติกส์ มาช่วย

แนวคิดใหม่ในการจัดการเรื่องของสต๊อคและการจัดส่งสินค้าคือการย้ายงานทั้งหมดไปให้คนอื่นทำ คงแปลกใจว่ามันจะดีหรือที่ยกเอาเรื่องของคลังสินค้าของตัวเอง และเรื่องการจัดส่งสินค้าไปให้คนอื่นทำ ลำพังทำเองก็วุ่นวายพออยู่แล้วยกไปอยู่ที่อื่นแล้วจะประสานงานอย่างไร คำตอบในโลกดิจิทัลมีทางออกเสมอ

ความจริงแล้วแนวคิดของการยกเอาเรื่องของคลังสินค้าและระบบจัดส่งไปให้คนอื่นจัดการนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ บริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ๆ เขาใช้แนวคิดที่เรียกว่าผู้กระจายสินค้า หรือ Distribution มานาแล้ว ซึ่งวิธีการนี้เจ้าของสินค้าเองก็มีหน้าที่ผลิตสินค้าออกมาแล้วก็ส่งมาเก็บไว้ที่คลังสินค้า ในกรณีของสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศสินค้านั้นก็จะส่งเข้ามาแล้ว Distributor เหล่านี้ก็จะไปรับมาจากท่าเรือหรือคาร์โก้แล้วนำมาเตรียมจัดจำหน่ายตามช่องทางต่างๆ

โดยที่ระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับทางบริษัทกระจายสินค้านั้นจะมีการสร้างแอปพลิเคชันเชื่อมระบบงานเข้าหากัน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องของตัวสินค้าและปริมาณสินค้าที่ทำการส่งออกและรับเข้าคลังสินค้า หลังจากนั้น Distriutor จะมีอีกหน้าที่หนึ่งคือการกระจายสินค้าตามคำสั่งซื้อ ในที่นี้อาจจะเป็นตัวแทนจำหน่ายเพื่อจำหน่ายต่อไปยังผู้บริโภคปลายทาง

ทำไมบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่นั้นถึงเลือกวิธีนี้ แทนที่จะสร้างคลังและจัดส่งสินค้าเองที่ดูเหมือนจะเป็นการจัดการที่ง่ายกว่า คำตอบก็คือการสร้างทั้งคลังและระบบจัดส่งสินค้าเองเป็นงานที่ทั้งยากเสียเวลา อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะหากจะดูแลทั้งสองระบบนี้อย่างแรกต้องสร้างคลังสินค้าจำนวนมากถ้าต้องการให้ครอบคลุมทั้งประเทศ อย่าง Lotus ที่สร้างศูนย์กระจายสินค้าหลายแห่ง เพื่อให้สามารถส่งสินค้าได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ

กลับมาที่ SME เรื่องของการใช้คลังสินค้าที่ไม่ใช่ของตัวเอง หรือแบบผลิตแล้วส่งไปเก็บอีกที่หลายธุรกิจคงมีการใช้งานอยู่บ้าง เพราะว่าปัจจุบันมีธุรกิจโกดังหรือคลังสินค้ารับฝากสินค้าเกิดขึ้นมากมาย แต่บริการเหล่านั้นยังเป็นแค่บริการรับฝากเพียงอย่างเดียว และส่วนใหญ่นั้นไม่มีการเชื่อมระบบระหว่างผู้ผลิตที่ต้องการนำสินค้าไปฝาก เพื่อยืนยันการรับสินค้าในรูปแบบของระบบดิจิทัล

แนะนำ ดิจิทัลโลจิสติกส์ ให้ได้ใช้กัน

ปัญหาแบบนี้ได้มีคนทำการแก้ไขแล้ว มีสตาร์ทอัพที่ทำเรื่องยากแบบนี้ให้กลายเป็นเรื่องง่าย หาก SME ต้องการบริการคลังและระบบจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ มาพร้อมระบบประสานงานทั้งรับและตรวจสอบสินค้าเรื่อยไปจนถึงระบบจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้า บนราคาที่ SME รับได้ ขอยกตัวอย่างสตาร์ทอัพของไทยหนึ่งรายที่ให้บริการเรื่องดังกล่าวชื่อว่า My Cloud FulFillment (http://www.mycloudfulfillment.com/th/)

MyCloudFulfillment ให้บริการ เก็บสินค้า แพ็คสินค้า และ ส่งสินค้าแทนร้านของคุณ ตามช่องทางขายหลากหลาย เขาเป็นตัวแทนร้านค้าของคุณในการบริหารการจัดเก็บและส่งสินค้า รวมไปถึงเป็นส่วนช่วยในการจัดการการขายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริษัทที่ขายทางทั้งช่องทางออนไลน์และช่องทางปกติ ได้รับบริการในต้นทุนที่คุ้มค่าทำให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน.เริ่มต้นใช้บริการง่ายๆ แค่นำสต็อคสินค้ามาไว้ที่คลังของเขา เมื่อคุณขายได้ก็แค่ทำออเดอร์มาผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ที่เหลือเขาจะจัดการให้เอง

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ My Cloud FulFillment นั้นก็คือบริการคลังสินค้าพร้อมกับแอปพลิเคชันที่ช่วยลดภาระการจัดการของธุรกิจ SME ลงไปได้ แค่ทำการส่งสินค้าเข้าไปที่คลังสินค้าแล้วระบบจะทำการอัพเดตข้อมูลผ่านทางแอปพลิเคชันเอง และอีกบริการที่น่าสนใจคือบริการแพคสินค้าส่งโดยสามารถเลือกช่องทางได้เองว่าจะใช้บริการของใคร ไม่ว่า ไปรษณีย์ไทย หรือจะเป็น Kerry โดยทำการสั่งจากหน้าแอปพลิเคชั่นผ่านทางหน้าเว็บเท่านั้น

บริการอย่าง MyCloudFulfillment นั้นเข้ามาช่วยลดภาระ SME ให้โฟกัสไปที่การดูแลเรื่องการตลาดหรือพัฒนาสินค้า รวมถึงผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานตามที่ลูกค้าต้องการ ส่วนเรื่องของการจัดเก็บและจัดส่งกระจายไปยังมือผู้รับนั้น SME ก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีทั้งผู้ช่วยและเครื่องมือสำหรับบริหารจัดการได้อยู่แล้ว นี่เป็นเครื่องมือดีๆ อีกหนึ่งชิ้นที่อยากแนะนำให้ SME ได้ลองหยิบนำไปใช้ และเป็นอีกหนึ่ง Digital Disruption ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำลายแต่เป็นการสร้างใหม่เพื่อการทำธุรกิจที่ดีขึ้น

ที่มา : https://smarttech.smartsme.co.th