3 เดือนสุดท้ายของทุกปี มักจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขาย มักเป็นช่วงเวลาของการส่งมอบสินค้า มักเป็นช่วงเวลาจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพื่อหาซื้อของขวัญให้กับตัวเอง หรือคนที่ตัวเองรัก หรือเฉลิมฉลองยอดธุรกิจของปีที่กำลังจะผ่านไป แต่...........

ปีนี้ไม่ปกติครับ สถานการณ์การค้าได้ชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี ทั้งเหตุการณ์การเมือง การส่งออกชะลอตัวอย่างมาก กำลังการบริโภคตกต่ำ กลางปีเจอกับพิษการจัดระเบียบสังคม ทำเอานักท่องเที่ยวจีนที่เป็นรายได้หลักหดหายไปจำนวนมาก ปิดท้ายข่าวเศร้าของชาวไทยทั้งประเทศ ที่สะเทือนใจไปทั่วโลกกับการสูญเสียครั้งใหญ่

สถานการณ์เช่นนี้ กิจการใครผ่านช่วงเวลานี้ได้ ก็ถือว่ามีความแข็งแรงอย่างยิ่ง หลายรายที่ต้องหยุดต้องล้มหายตายจากแวดวงธุรกิจ ต้องปรับเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนธุรกิจกันมากมาย เราได้เห็นการควบรวมกิจการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ การไล่ล่าของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ทั้งหลายทั้งสิ้นคือ “ปรากฏการณ์การปรับตัวทางกลยุทธ์ธุรกิจ”

กลยุทธ์ในการพลิกฟื้นธุรกิจในภาวะยากลำบากแบบนี้ ผู้ประกอบการ SME ควรคำนึงถึงเรื่องแผนการดำเนินงานเป็นเรื่องแรกๆ การปรับตัวทางธุรกิจจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนั่งคิดแบบจริงจังตั้งใจ และลงรายละเอียดในแต่ละเรื่อง เริ่มจากการดูโครงสร้างองค์กรว่าจะมีจุดไหนที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อีกหรือไม่ สิ่งไหนที่ไม่จำเป็นสามารถควบรวมได้หรือไม่ ลดจำนวนที่ความจำเป็นน้อยลงหลังการควบรวมงานแล้ว จำเป็นต้องทำเพื่อให้มีภาระค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดเป็นสิ่งแรก

จากนั้นจึงวิเคราะห์ความสามารถในการผลิตที่จะเหลืออยู่ สามารถลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยความเร็วในการผลิตได้หรือไม่ ความสามารถในการผลิตควรคุ้มค่ากับเวลา เมื่อจัดการกับเรื่องโครงสร้างการบริหาร โครงสร้างการผลิต แล้วจะมาดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการตลาด ด้วยรูปแบบกลยุทธ์แบบต่าง ๆ ทั้งแสวงหาพันธมิตรรายใหม่ ซึ่งอาจหมายรวมถึงการร่วมลงทุน หรือควบรวมกิจการให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น หรือการเพิ่มช่องทางการตลาดออนไลน์ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านเอเย่นต์หน้าใหม่ ที่มีศักยภาพสนับสนุนการขาย การประชาสัมพันธ์

เช่น กลุ่มเจ้าของแฟนเพจที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก กลุ่มผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชนในต่างจังหวัด คนเหล่านี้มีความสามารถในการเชื่อมโยงลูกค้าผ่านสื่อที่เขามีความสามารถในการบริหาร และถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะสร้างรายได้ให้กับกิจการ

ส่วนที่สำคัญที่สุดเมื่อปรับแผนการจัดการ แผนการตลาดทั้งระบบแล้ว คือ การปรับกลยุทธ์ทางการเงิน บัญชีการเงินกลายเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป ยิ่งในภาวะตลาดซบเซา เพราะเงินหมุนทุกบาทมีต้นทุนเวลาติดตามมาด้วยเสมอ ต้นทุนเวลาที่ติดตามมากับเงินหมุนในกิจการเรารู้จักกันในชื่อ “ดอกเบี้ย” การจัดการทางการเงินจึงจำเป็นต้องจัดการดอกเบี้ยให้ต่ำที่สุดก่อนเป็นเรื่องแรก ปรับเปลี่ยนสถาบันการเงินที่มีดอกเบี้ยแพงสู่สถาบันการเงินดอกเบี้ยต่ำ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีประวัติการชำระเงินที่สม่ำเสมอต่อเนื่อง และมีการนำรายได้เข้าบัญชีสม่ำเสมอ เพื่อแสดงให้สถาบันการเงินเห็นความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงิน (จุดนี้ควรทำอย่างสม่ำเสมอ และรักษาเครดิตของกิจการให้ดีที่สุด) ในขณะที่ลดดอกเบี้ยก็ควรมองเรื่องการดึงเงินสดไว้ในกิจการให้นานที่สุด หลายรายเลือกที่จะต่อรองกับ ซัพพลายเออร์ ยืดระยะเวลาชำระออกไปอีกสิบวันสิบห้าวัน หรือมากกว่านั้น เพื่อให้กิจการมีสภาพคล่องมากพอที่จะทำให้เป็นที่สนใจของสถาบันการเงิน หรือนักลงทุนที่จะเข้าร่วมลงทุนในอนาคต

เวลายากลำบากในธุรกิจ ผู้ประกอบการต้องเจอและต้องเจอในรูปแบบแตกต่างกัน “สติ” กับ “สมอง” คืออุปกรณ์ที่จะพาท่านพ้นจากวิกฤตได้ ขอเป็นกำลังใจในการฟันฝ่าสถานการณ์ช่วงปลายปีแห่งความอาลัย และขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ในปีใหม่ 2560 ครับ

ที่มา : http://www.xn--72cfa1hey3b0dtji.com/