เมื่อเวลา 20.41 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม 2559
คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้มีการแถลงสรุปผลรายงานคะแนนการทำประชามติอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งได้ยุติการนับบัตรลงคะแนน เมื่อเวลา 19.33 น. ที่การนับไปแล้ว 94% ซึ่งนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการเลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า

ไม่สามารถขึ้นรายงานผลคะแนนที่ 95% ได้เนื่องจากเป็นการรายงานแบบเรียลไทม์ ผลคะแนนขึ้นอย่างรวดเร็วการรายงานอย่างไม่เป็นทางการ ตามมาตรา 47 ของ พ.ร.บ.ประชามติ ที่กำหนดให้ กกต.รายงานผลเพียงร้อยละ 95 จึงต้องปิดระบบอย่างไม่เป็นทางการที่ 94%

ส่วนผลการนับบัตรลงคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่า ที่ผลการนับ 94% ทั่วประเทศ มีผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งประเทศ 27,623,126 คน ในจำนวนนี้ เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 15,562,027 คน คิดเป็น 61.40% ไม่เห็นชอบ 9,784,680 คน คิดเป็น 38.60%

ประเด็นคำถามพ่วง มีคะแนนเห็นชอบ 13,969,594 คน คิดเป็น 58.11% ไม่เห็นชอบ 10,070,599 คน คิดเป็น 41.80% รวมบัตรดี 26,688,729 ใบ บัตรเสีย 869,043 ใบ

เมื่อแยกเป็นรายภาคพบว่า ภาคเหนือเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 2,784,734 คน หรือ 57.67% ไม่เห็นชอบ จำนวน 2,044,227 คน หรือ 42.33% ประเด็นคำถามพ่วงพบว่า คะแนนเห็นชอบ จำนวน 2,436,356 คน หรือ 54.09% ไม่เห็นชอบ จำนวน 2,067,791 คน หรือ 45.91%

ภาคกลาง เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 5,955,874 คน หรือ 69.47% ไม่เห็น ชอบจำนวน 2,618,017 คน หรือ 30.53 % ประเด็นคำถามพ่วง มีคะแนนเห็นชอบ จำนวน 5,451,308 คน หรือ 66.18% ไม่เห็นชอบจำนวน 2,786,349 คน หรือ 33.82%

ภาคใต้ เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 2,707,316 คน หรือ 76.66% ไม่เห็นชอบ จำนวน 824,256 คน หรือ 23.34% คำถามพ่วง มีคะแนนเห็นชอบ จำนวน 2,537,009 คน หรือ 74.35 % ไม่เห็นชอบ จำนวน 875,156 คน หรือ 25.65%

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 3,993,944 คน หรือ 48.58% ไม่เห็นชอบ จำนวน 4,226,752 คน หรือ 51.42% คำถามพ่วง เห็นชอบ จำนวน 3,431,849 คน หรือ 44.57% ไม่เห็นชอบจำนวน 4,267,561 คน หรือ 55.43%

กรุงเทพมหานคร เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 1,369,046 คน ไม่เห็นชอบ 603,037 คน ประเด็นคำถามพ่วง เห็นชอบ 1,272,604 คน ไม่เห็นชอบ 656,831 คน

นายสมชัย สุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างไม่เป็นทางการว่า ผลคะแนนออกเสียงประชามติอย่างไม่เป็นทาง การคงไม่คลาดเคลื่อนกับผลคะแนนอย่างเป็นทางการมากนัก เพราะคะแนนทั้งเห็นชอบและไม่เห็นชอบมีจำนวนห่างมากพอ

จากผลการรายงานอย่างไม่เป็นทางการคาดว่า ในการทำประชามติครั้งนี้ มีประชาชนออกมาใช้มากกว่าการทำประชามติในปี 2550
ส่วนจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดที่ได้เปลี่ยน แปลงจากเดิม เนื่องจากมีผู้เพิ่ม และถอนชื่อออกจากบัญชีรายชื่อจำนวน 224,453 คน

ดังนั้นการทำประชามติครั้งนี้ จึงมียอดผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 50,261,529 คน และมีผู้ออกมาใช้สิทธิประมาณ 58%